สวนฝัน

สวนฝัน

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

เพื่อประจานหรือประดับไว้กับใจ ?



                                 เพื่อสิ่งใด ?

                                              แหวกทรวงออก  ปอกหัวใจ  ผ่าให้เห็น
                                              ใช่ฉันเป็น  เช่นเขาว่า  อย่าเชื่อถือ
                                              สี่ห้องใน  ใจฉันนี้  ที่มีคือ
                                              ความสัตย์ซื่อ  สุจริต  นิจกาล

                                              ๐  อย่าหน้าง้ำ  ทำแง่งอน  วอนให้ง้อ
                                              ยามเธอพ้อ  พจน์คอยย้ำ  ช้ำเกินขาน
                                              อ่านบทกลอน  ค่อนขอดฉัน  เมื่อวันวาน
                                              เหมือนดวงมาน  มีใครเชือด  เลือดหลั่งริน


                                              ๐  ความเจ้าชู้  กับผู้ชาย  ควายกับปลัก
                                              นั้นย่อมจัก  เป็นของคู่  ก็รู้สิ้น
                                              แต่ว่าร้อย  เถอะทั้งร้อย  ค่อยยลยิน
                                              ย่อมถวิล  ที่รักแท้  แค่คนเดียว

                                              ๐  เธอเคยปลุก  ปลอบจิตฉัน  นั้นทุกอย่าง

                                              เธอเคยสร้าง  สัมพันธ์ใจ  ดั่งไหมเหนียว
                                              เธอเคยมุ่ง  รักเหมือนที่  เชือกมีเกลียว
                                              ไยเอาเคียว  คำพูดฟาด  ขาดจากกัน

                                              ๐  จงตระหนัก  รักฉันท้น  คนดีเอ๋ย
                                              ยามเธอเฉย  ฉันชอกช้ำ  ใช่ขำขัน
                                              จงแผ่เศษ  แห่งเมตตา  มาสู่พลัน
                                              เหมือนเมื่อวัน  ฉันล้มลุก  คุกเข่าคลาน

                                              ๐  จงมองซึ้ง  ถึงสายตา  ครานี้นิด
                                              ฉันมิผิด  ผู้ที่ขอ  รอประหาร
                                              เธอสร้างสรรค์  ฉันเพื่อหมาย  ทำลายราน
                                              เพื่อประจาน  หรือประดับ  ไว้กับใจ

                                                           รุจิเรข  อภิรมย์ 

                                                         สวนฝันวรรณศิลป์  ยะลา








วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

เวียงพิงค์ - เวียงสวรรค์







                                                ๐  ยังคิดถึงคะนึงหวนคร่ำครวญหา
                                                แม้นจากมานานเนิ่นไม่เมินหมาง
                                                รอยจารึกผนึกไว้ไร้วันจาง
                                                คราเหินห่างให้ห่วงหานาครพิงค์(นครพิงค์)

                                                ๐  สายน้ำปิงยิ่งกว่าด่านธารสวรรค์
                                                สวยสีสันจรรโลงสุขทุกสรรพสิ่ง
                                                ยามเย็นย่ำค่ำลงตรงริมปิง
                                                เราเคยอิง  แอบอ้อนฝัน ...วันเคียงครอง

                                                ๐  เยือนน้ำตกโตรกผาพาชื่นฉ่ำ
                                                เสียงกระหน่ำน้ำกระจายเปียกกายสอง
                                                ยามแหวกว่ายเวียนวนสายชลนอง
                                                ต่างตระกองกระซิบฝาก ... อย่าจากลา

                                                ๐  จากธารารินรื่นคืนไพรสณฑ์
                                                ทุกแห่งหนหฤหรรษ์ยากสรรหา
                                                ทั้งไม้ดอกไม้ใบใกล้ไกลตา
                                                อิ่มอุราคราเทศทัศน์ผูกมัดใจ

                                                ๐  โอ้เวียงพิงค์ ... ปิง,  ห้วยแก้ว  แพร้วเพริศนัก
                                                จึงตระหนัก  รักและฝัน  จนหวั่นไหว
                                                สุดแสนซึ้ง  คะนึงหา  คราจรไกล
                                                เยือนแดนใด  ก็ไม่เหมือน  เยือนเวียงพิงค์

                                                ยังระลึกถึงเสมอ

                                                                      รุจิเรข  อภิรมย์
                                                                    สวนฝันวรรณศิลป์  ยะลา
                                                                          ๒๓/๐๙/๒๕๕๙
                                                                              ๒๒.๐๗ น.









จันทร์แรม












จันทร์แรม
                                                     ๐  สุดสวยงามยามยลบนฟากฟ้า
                                                     แสงจันทราส่องสว่างข้างแรมนั่น
                                                     รูปคิ้วนางบางโค้งโยงใจพลัน
                                                     คิดถึงกัลย์ทันใดใจสั่นรัว

                                                     ๐  คิ้วนางนี้พี่เคยพิศจุมพิตแผ่ว
                                                     จำได้แล้วแก้วพริ้มตาใช่ว่ายั่ว
                                                     แต่สำแดงแห่งอารมณ์ข่มความกลัว
                                                     ที่หลงกลั้วเกลือกกิเลศของเพศชาย

                                                     ๐  แต่ความรักที่ถักโถมโหมใจอยู่
                                                     มิให้รู้ทางรอดปลอดจุดหมาย
                                                     กายจึงสั่นหวั่นไหวใจก็อาย
                                                     ยากทะลายแรงกดหมดหนทาง

                                                     ๐  พี่มองซึ้งถึงอากัปจึงรับได้
                                                     กระซิบไซร้ซอกหูพอรู้บ้าง
                                                     บอกจะเลิกรังแกให้ระคาง
                                                     ขอเคียงข้างคนดีไม่หนีไกล

                                                     ๐  เจ้าลืมตามามองจ้องสบซึ้ง
                                                     พี่ตะลึงลืมตัวชั่ววูบใหญ่
                                                     มนต์เสน่ห์นัยนาพาตรึงใจ
                                                     พี่คงไม่มีวันลืมคืนปลื้มเธอ

                                                 ที่รัก,  เธอคงจำจันทร์แรมคืนนั้นได้

                                                        
รุจิเรข อภิรมย์
                                                       สวนฝันวรรณศิลป์ ยะลา
                                                        ๖/๙/๒๕๕๙ : ๑๔.๑๕ น











วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

เสียงกระซิบจากหัวใจ






 รัตติกาล

                             ๐  สุรีย์ลอยคล้อยต่ำจวนค่ำแล้ว
                                       ตลอดแนวขอบฟ้าแสงจ้าหาย
                                       ความมืดเริ่มเพิ่มมาดาราราย
                                       ก็ผุดพรายที่แผ่นฟ้า  ครารัตติกาล

                                       ๐  ก่อนทิวาลาจากฝากจอมขวัญ

                                       ด้วยกำนัลในบทเพลงบรรเลงหวาน
                                       มาขับกล่อมจอมใจให้สราญ
                                       เชิญเยาวมาลย์ม่อยหลับกับหมอนพลัน

                                       ๐  รัตติกาลผ่านล่วงในช่วงนี้

                                       เสียงดนตรีดังแผ่วแว่วชวนฝัน
                                       เพลงไพเราะเสนาะซึ้งตรึงผูกพัน
                                       คือคำมั่นสัญญาฝากจากดวงใจ

                                       ๐  เจ้าเหนื่อยนักพักผ่อนนอนเถอะนะ

                                       ร่างกายจะหยัดยืนฝืนมิไหว
                                       หากตรากตรำลำบากมากเกินไป
                                       พี่ห่วงใยเจ้านักจักเสื่อมโทรม 

                                      ๐  สายลมพริ้วหวิวซ่านสะท้านหนาว

                                      แต่ละคราวร้าวร่างสำอางโฉม
                                      เบียดกายแนบแอบพี่หนีลมโลม
                                      ฤาจะโน้มเหนี่ยวกระหวัดรัดรึงมาน

                                      ๐  ในอ้อมกอดกายนี้พลีให้น้อง

                                      จงพานพ้องเพ็ญสุขทุกสถาน
                                       วอนทวยเทพเทวัญมาบันดาล
                                       ให้นงคราญนิทราสนิทปราศพิษภัย


ด้วยรัก
จากพี่ ... รุจิเรข  อภิรมย์
สวนฝันวรรณศิลป์  ยะลา








อรุณสวัสดิ์ ค่ะ




กระซิบสวาท



                                           ๑  ฝากลมพา  พัดใจ  ไว้ใต้หมอน
                                           ยามเธอนอน  แนบหน้า  จะพาฝัน
                                           ซบหน้าหน่อย  นะคนดี  มีรำพัน
                                            ฟังจำนรรจ์  กระซิบน้อง  คล้องดวงแด

                                           ๒  ณ ยามนี้  พี่นอนหนาว  ร้าวรานไหม

                                           ทุกข์อันใด  ใจจงจาง  ล้างบาดแผล
                                           อย่าเฉยเมย  เลยหนา  ชายตาแล
                                           หมอนข้างแคร่  ที่เคยคุ้น  อุ่นน้ำคำ

                                           ๓  ตรงหมอนนี้  มีน้อง  ประคองเนื้อ

                                           หัวใจเอื้อ  ละเอียดอ้อน  สุนทรฉ่ำ
                                           ทุกคำที่  พี่กระซิบ  จะหยิบจำ
                                           สร้างสุขล้ำ  เลิศไสว  อยู่ในทรวง

                                           ๔  หัวใจสาน  กระซิบสื่อ  คือสวาท

                                           ฝากลมพาด  พัดซ่อน  ใต้หมอนสรวง
                                           ฉะอ้อนอิง  พิงแอบ  แนบแดดวง
                                           กระซิบควง  คืนค่ำ  ร่ำพิไร

กฤษณา  เวช












วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

สไบแพร






                                                           
   


             ๐  สไบน้องคล้องให้พี่ราตรีนั้น
        ยังผูกพันอยู่กับพี่ไม่หนีหาย
        คงเก็บกักรักษาจนกว่าตาย
        จะคลุมกายกอดม้วยไปด้วยกัน

                                           

        ๐  กลิ่นสไบบ่งบ่มช่างฉมชื่น
        วันและคืนคอยสะกิดให้คิดฝัน
        แม้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำยังรำพัน
        ให้ฐานันดร์มิบั่นทอนลิดรอนเรา

        ๐  สไบแพรแลแม้นแทนกายน้อง
        ยามจับต้องผ่องละมุนอุ่นคลายเหงา
        แต่ใบหน้าน้ำตานองหมองมิเบา
        ป่านนี้เขาคงลืมแล้วหนอแก้วตา

        ๐  ได้แต่มองจ้องแล้วจูบลูบคลำแผ่ว
        ไร้วี่แววเห็นวงพักตร์ยากจักหา
        เจ้าจากไปไกลลิบลับไม่กลับมา

        ปล่อยให้ข้าคอยพร่ำเพรียกเรียกร้องคืน

        ๐  หรือเรือนรักหักสะบั้นกันเกินแก้
        ทิ้งไว้แต่สไบเฉียงเพียงหนึ่งผืน
        ให้คะนึงถึงเจ้าของ ... ต้องกล้ำกลืน
        และทนฝืนใฝ่ถวิลกินน้ำตา










สไบน้อง .....  ให้นะ.....


                ๑  สไบน้อง  คล้องให้พี่  ราตรีนั้น
        ความผูกพัน  ตราตรึง  ซึ้งเสมอ
        คืนแสงจันทร์  โอบหล้า  ฟ้าละเมอ
        สองเราเพ้อ  พร่ำรัก  สลักใจ

        ๒  ก่อนจากกัน  สัญญา  ฟ้ายังยิ้ม
        สองเราอิ่ม  เอมอุ่น  บุญไสว
        โสมสว่าง  กลางคืน  ชื่นหทัย
        ส่งสไบ  หมายว่า  ค่าน้ำคำ

        ๓  หอมสไบ  ให้ถวิล  ถึงกลิ่นกรุ่น
        น้องแนบหนุน  ตักนาน  หวานชื่นฉ่ำ
        พี่มอบสร้อย  สวมศอ  ลออจำ
        ยังเก็บกำ  นำมาใช้  สวมใส่คอ

        ๔  วันเวลา  มาพรากเรา  ดังเงาลบ
        หลังเรียนจบ  ก็ต้องจาก  พรากกันหนอ
        หน้าที่น้อง  อยู่เมืองเหนือ  นั้นเพื่อรอ
        นานวันก้อ  ยิ่งห่างไกล  ไม่เจอกัน

        ๕  หยิบสร้อยศอ  คลอน้ำตา  อยากหาพี่
        ยังรักษา  ไว้อย่างดี  มิแปรผัน
        ปล่อยคิดถึง  ซึ้งใจ  ไปทุกวัน
        จดหมายนั้น  ก็เขียนนะ  ใช่ละเลย

        ๖  ทั้งเบอร์โทร  ก็ให้  เห็นไม่มา
        สไบน้อง  คงไร้ค่า  นิจจาเอ๋ย
        เดือนดาวหม่น  คนไกล  ไยเฉยเมย
        สไบเอย  คงไม่อุ่น  กลิ่นกรุ่นจาง

        ๗  สไบน้อง  แทนใจ  ไหนว่าชอบ
        น้องยังมอบ  ดวงมาลย์  ประสานสร้าง
        พิมพ์คำรัก  สลักไว้  ใช่เลือนลาง
        หวังยามห่าง  พี่อย่าหัน  ปันรักใคร !
 

มีการแก้ไข
สวนฝันวรรณศิลป์

...พี่ยืนยันมิปันรักแม้สักนิด
ยังคงคิดถึงน้องปองรักใคร่
ใช้ชีวิตชิดกระชับกับสไบ
คอยส่งใจไปหานุชสุดรำพัน

๐ จดหมายน้อยคอยรับอยากจับอ่าน
แต่ไม่ผ่านมือพี่ที่คอยนั่น
คงมีเหตุเภทภัยให้แคล้วกัน
จึงจาบัลย์รันทดหมดอาลัย

๐ เบอร์โทร.นั่นมันหายหลายปีแล้ว
ติดต่อแก้วก็ไม่ได้ให้สงสัย
จึงครวญคร่ำร่ำระทมตรมฤทัย
มากปัจจัยหลายนัยนักที่หักราน

๐ สไบน้องของรักจักมิห่าง
ทุกก้าวย่างยังชมชิดอธิษฐาน
หากชาตินี้มีบุญอยู่คู่นงคราญ
จงพบพานอย่าพลัดพรากจากนานเกิน
รุจิเรข  อภิรมย์





Kritsana Vejjasilpa ไพเราะรสจริงแล้ว



Kritsana Vejjasilpa ยังไม่ว่างตอบ ไพเราะมากๆเลย อือ....



Peegul Phinsaihem เจ็บมากกินใจเหลีอเกิน



ถูกใจแสดงความรู้สึกเพิ่มเติม
ตอบกลับส่งข้อความ7 ชม.
สวนฝันวรรณศิลป์ ... ดีใจ รู้สึกเป็นเกียรติที่คุณพิกุลเข้ามาอ่านงานชุดนี้
ผมนำไปเก็บไว้ที่บล็อคสวนฝันวรรณศิลป์แล้วครับ
...ดูเพิ่มเติม

                                                                               ๐  สไบน้องคล้องให้พี่ราตรีนั้น        ...
RUJIREK.BLOGSPOT.COM